หลังจากรายการ “พลิกปมข่าว” เปิดเผยรายงานสารเคมีปนเปื้อน ในแม่น้ำน่าน เมื่อวันที่ 5-6 ก.ค.ที่ผ่านมา นั้น ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันนี้ (11 ก.ค.) นพ.คณิต ตันติศิริวิทย์ หัวหน้าศูนย์ประสานงานประชาคมจังหวัดน่าน เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวว่า นักวิจัยของมหาวิทยาลัยนเรศวร ตรวจพบสารยาฆ่าหญ้า อะทราซีนในน้ำใต้ดิน น้ำผิวดิน น้ำประปา จนมาถึงน้ำดื่มบรรจุขวดในจ.น่าน เกินค่ามาตรฐาน และยังพบว่า มีสารไกลโฟเสท ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งระดับ 2 A ในเนื้อปลาสูง กว่าค่ามาตรฐาน 20-200 เท่านั้น รวมถึงพบสารพาราควอท คลอไฟริฟอส เกินมาตรฐานในผัก ปลา และในดิน ในน้ำอีกด้วย ประชาคมชาวน่านถือเป็นข่าวใหม่ที่น่าตกใจ
จากการประชุมของกลุ่มประชาคมมีความเห็นว่า แม้ว่ามหาวิทยาลัยนเรศวร สุ่มตรวจยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลงที่จังหวัดน่าน แต่อย่าให้คนน่านตกเป็นจำเลย เพราะสารเคมีเหล่านี้ ส่วนใหญ่ถูกใช้ในการทำไร่ข้าวโพด ซึ่งทำกันจำนวนมากครอบคลุมทั้งภาคเหนือ ที่เป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ยากำจัดวัชพืชนำเข้าครึ่งปี 81 ล้านกิโลกรัม จังหวัดน่านใช้ 1.2 ล้านกิโล กรัมคิดเป็น 1.5 เปอร์เซนต์ เชื่อว่าถ้าตรวจจริงทุกพื้นที่ก็คงมีเช่นกัน ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาที่คนทั้งประเทศและผู้บริหารของประเทศต้องร่วมกันคิดว่า เรากำลังเอาทรัพยากรที่มีค่า ทั้งดิน น้ำ ป่า อากาศที่มีหมอกควัน ไปแลกกับการปลูกพืชเชิงเดี่ยวเพื่อหวังผลระยะสั้นอย่างนั้นหรือ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น